การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา
People’s Participation to the Tourism Development: Tha-ka Foating Market
ภูสิทธ์ ขันติกุล
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
E-mail: phu_sit@hotmail.com
Phusit Khantikul
Faculty of Humanities and Social Sciences, Suan Sunandha Rajabhat University
E-mail: phu_sit@hotmail.com
บทคัดย่อ
การวิจัยกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ดังนี้ 1) เพื่อวิเคราะห์การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา 3) เพื่อวิเคราะห์แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา ซึ่งการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามในการรวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่อาศัยอยู่ตำบล ท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ได้แบบสอบถามที่สมบูรณ์ครบถ้วนในการวิเคราะห์ จำนวน 372 คน (คิดเป็นร้อยละ 99.47) วิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนาและเชิงอนุมาน ได้แก่ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตัวแปร 2 ตัวที่เป็นอิสระต่อกัน(Independent - Samples T test ) การเปรียบเทียมความแตกต่างระหว่างตัวแปรมากกว่า 2 ตัวด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว(One-Way ANOVA) พบว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยรวมอยู่ระดับปานกลาง ส่วนรายด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับมาก ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา รายด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือการมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลด้านการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในตำบลท่าคาเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้แก่ ปัจจัยด้านอายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือน และระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชน ส่วนแนวทางทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลาดน้ำท่าคาที่สำคัญที่สุดคือ การพัฒนาจากฐานรากที่เป็นประชาชนคนท้องถิ่นโดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มเยาวชนและกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นได้มีบทบาทในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจและร่วมรับผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
คำสำคัญ: การมีส่วนร่วม, การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว, ตลาดน้ำท่าคา
Abstract
The purpose of the research on People’s Participation to the Tourism Development: Tha-ka Foating Market, aims (1) to analyze people’s particitpation to the development of tourism in Tha-ka Foating Market; (2) to analyze the factors affecting people’s participation to the tourism development, Tha-ka Foating Market; (3) to analyze people’s participation to the tourism development, Tha-ka Foating Market. The study is a qualitative research using questionnaires to collect data from people in Tha-ka, Amphawa, Samutsongkhram. The 372 complete responses (99.47%) were verified by descriptive and content analysis: such as medium, standard deviation, Independent-Samples T Test, One-Way ANOVA. The findings of this research are as follows: the overall people’s participation to the tourism development in Tha-ka Foating Market, people’s participation in looking into the problems of sustainable tourism in Tha-ka, people’s participation in following up and evaluation of the sustainable tourism in Tha-ka, and factors impacted on people’s participation to the sustainable tourism development are: the age, the education, the occupation, the monthly income, and the duration of living in the community; the most important approach to develop the sustainable tourism in Tha-ka is to develop from the local people, especially the space opened for the youngsters and local experts to collaborate in thinking, working, deciding and reasonably generating profits.
Keyword: Participation, Development of Tourism, Tha-ka Foating Market
บทนำ
การมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมในกิจกรรมใด ๆ ของสังคม ชุมชนท้องถิ่น เครือข่าย กลุ่มทางสังคม ต่าง ๆ ย่อมเป็นตัวชี้วัดของความเป็นประชาธิปไตยอย่างหนึ่งให้กับสังคม ชุมชนท้องถิ่นหรือหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนที่สุด จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนประเทศ ชุมชน หน่วยงานให้ดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทั้งนี้เมื่อกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นแนวทางที่ยั่งยืนและสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ ชุมชนท้องถิ่น โดยการส่งเสริมหรือสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่ประเทศไทยได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550มาตรา 87 (1) ไว้ว่า “ภาครัฐต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมทั้งในระดับชาติ และระดับท้องถิ่น” (ราชกิจจานุเบก-ษา, 2550) สามารถชี้ให้เห็นว่าภาครัฐต้องคำนึงถึงกระบวนการที่เกิดจากประชาชนในท้องถิ่น หรือภาคประชาชนในท้องถิ่นอย่างจริงใจ เสมอภาค และต่อเนื่อง ทั้งนี้การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาในด้านใดก็ตามมีหลากหลายรูปแบบที่จะนำไปสู่ความประสบผลสำเร็จได้ทั้งในประเด็นการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (Decision making) การมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน (Implementation) การมี ส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ (Benefits) และการมีส่วนร่วมในการประเมินผล (Evaluation) (Cohen & Uphoff, 1977) นอกจากนี้การมีส่วนร่วมที่ประชาชนจะเข้าร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองมีหลายขั้นตอน ได้แก่ 1) กำหนดปัญหา สาเหตุของปัญหา และแนวทางแก้ไขปัญหา 2) การตัดสินใจเลือกแนวทาง และวางแผนพัฒนาแก้ไขปัญหา 3) การปฏิบัติงานในกิจกรรมการพัฒนา และ 4) การประเมินผลงานกิจกรรมการพัฒนา (อคิน รพีพัฒน์, 2547) รวมถึงแนวคิดของสุนีย์ มัลลิกะมาลย์ (2545) ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนไว้ 6 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 ร่วมรับรู้ ระดับที่ 2 ร่วมคิด ร่วมแสดงความคิดเห็น ระดับที่ 3 ร่วมพิจารณา ร่วมตัดสินใจ ระดับที่ 4 ร่วมดำเนินการ ระดับที่ 5 ร่วมติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล ระดับที่ 6 ร่วมรับผล ถึงอย่างไรก็ตามการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นที่จะประสบผลสำเร็จได้มากน้อยเพียงใดจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยทั้งด้านกลไกของภาครัฐ ที่ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของวัฒนธรรมท้องถิ่น ปัจจัยด้านประชาชน ต้องมีความรู้เข้าใจและมีประสบการณ์ในการพัฒนาท้องถิ่น ปัจจัยด้านนักพัฒนา จำต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในเนื้อหาของกระบวนการมีส่วนร่วม และปัจจัยจูงใจ เป็นการได้รับผลประโยชน์จากการได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม การพัฒนา ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน (ปาริชาติ วลัยเสถียร และคณะ, 2543) ซึ่งงานวิจัยนี้ได้มุ่งเป้าหมายในการศึกษาวิจัยการมีส่วนร่วมของประชาชนใน การพัฒนาการท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ที่ระบุไว้ว่า การพัฒนาให้จังหวัดเป็นศูนย์กลางการพักผ่อน และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางแม่น้ำลำคลองระดับชาติ ปลูกจิตสำนึกให้ชาวจังหวัดสมุทรสงครามรักถิ่นกำเนิด อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมดีงาม (กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสมุทรสงคราม, 2554) และที่สำคัญ เมื่อการท่องเที่ยวเริ่มมีกระแสที่ดีขึ้น การเปิดพื้นที่ชุมชนท่าคาโดยภาครัฐเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงจากกระแสทุนนิยมภายนอกเข้ามาจนก่อให้เกิดการเปลี่ยนของสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะปัจจัยด้านการสร้างถนน ซึ่งจะเห็นได้ว่า “เมื่อปี พ.ศ. 2525 ได้มีการตัดถนนผ่านชุมชนท่าคาทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากเดิมที่เคยคึกคักมานานและเคยเป็นเสมือนสายธารแห่งชีวิตของชาวชุมชน เริ่มซบเซาลง ชาวบ้านหันไปค้าขายกันที่ตลาดบก” (วิไลลักษณ์ รัตนเพียรธัมมะ และคณะ ในวารสารร่มพฤกษ์, 2550) ทำให้เห็นว่าปัจจัยที่เข้มแข็งในการยืนหยัดต้านทานกระแสแห่งเงินตราของโลกาภิวัฒน์ไม่ให้กระแสของนักท่องเที่ยวอันเป็นปัจจัยภายนอกมาล้มล้างความเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมได้ จนมีคำกล่าวที่ว่า “การท่องเที่ยวเป็นเรื่องของคนนอก เป็นเรื่องที่เกิดมีมาภายหลัง เป็นกิจกรรมเสริมได้หรือควบคู่ไปได้เท่าที่สอดคล้อง แต่คงมิใช่จะให้ชาวสวนมอบกายถวายชีวิตของตนเองไปให้แก่การท่องเที่ยว” (สุรจิต ชิรเวทย์, 2551) ด้วยสภาพปัญหาและเหตุผลปัจจัยของชุมชนท่าคาแห่งนี้ที่เริ่มสะท้อนความเปลี่ยนแปลงไปและผู้วิจัยคาดการณ์ว่า ในเวลาอันใกล้ชุมชนท่าคาแห่งนี้จะได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงในการเปิดพื้นที่เหมือนแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำ อัมพวา จนจะทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมที่ผูกโยงกับความเป็นชาวสวนในพึ่งพาธรรมชาติในการดำรงชีวิตจืดจางหายไปในที่สุดจึงจำเป็นต้องค้นหาแนวทางในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ยั่งยืนโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นเป็นสำคัญ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อวิเคราะห์การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา
2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา
3. เพื่อวิเคราะห์แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลาดน้ำท่าคา
นิยามศัพท์
ประชาชน หมายถึง ประชาชนที่อาศัยอยู่ใน 12 หมู่บ้าน และประชาชนที่เป็นสมาชิกกลุ่มเครือข่ายองค์กร กลุ่มต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มประเพณีวัฒนธรรม กลุ่มสตรี กลุ่มเรือพาย กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มโฮมสเตย์ กลุ่มขนมไทย กลุ่ม จักสานก้านมะพร้าว และ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่าคา ณ ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
การส่วนร่วม หมายถึง การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา การมีส่วนร่วมในการวางแผน การมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม การมี ส่วนร่วมในการตัดสินใจ และการมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผล
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หมายถึง การท่องเที่ยวที่มุ่งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันชุมชนท้องถิ่นต้องเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการการท่องเที่ยวและได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันด้วย
วิธีการดำเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ(Quantitative) ประชากรทั้งสิ้น 5,647 คน ได้กลุ่มตัวอย่างด้วยการคำนวณตามสูตรของ ยามาเน่ จำนวน 374 คน และผู้วิจัยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างได้แบบสอบถามที่สมบูรณ์ครบถ้วนสามารถนำไปวิเคราะห์ผลได้ จำนวน 372 ชุด คิดเป็นร้อยละ 99.47 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม โดยมีเทคนิคเลือกตัวอย่างแบบมาใช้ความน่าจะเป็น (Probability Sampling) ใช้วิธีการสุ่มแบบง่าย (Simple Random Sampling) วิเคราะห์หาข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติพรรณนา (Descriptive Statistic) ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Means) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และใช้สถิติอนุมาน (Inferential Statistic) ได้แก่ สถิติ t-test และสถิติ F-test (One Way ANOVA) ทั้งนี้เกณฑ์ในการแปลผลค่าเฉลี่ยของคะแนน ผู้วิจัยกำหนดเกณฑ์โดยแบ่งระดับคะแนนออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ 1.00 - 1.80 (น้อยที่สุด), 1.81 - 2.60 (น้อย), 2.61 - 3.40 (ปานกลาง), 3.41 - 4.20 (มาก) และ4.21 - 5.00 (มากที่สุด)
ผลการวิจัย
การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อพิจารณาทั้งภาพรวมและรายด้าน พบว่า ภาพรวมของประชาชนทั้งตำบลท่าคามีส่วนร่วมอยู่ระดับปานกลาง (มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.32) ส่วนรายด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับมาก ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา (มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.43) รายด้านที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือการมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลเกี่ยวกับการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา (มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.23) ดังตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยภาพรวมและรายด้าน
การมีส่วนร่วมของประชาชน
|
Mean
|
S.D.
|
ระดับ
|
1. ด้านการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา
|
3.43
|
0.94
|
มาก
|
2. ด้านการมีส่วนร่วมในการวางแผน
|
3.33
|
1.06
|
ปานกลาง
|
3. ด้านการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม
|
3.36
|
1.04
|
ปานกลาง
|
4. ด้านการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
|
3.25
|
1.11
|
ปานกลาง
|
5. ด้านการมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผล
|
3.23
|
1.11
|
ปานกลาง
|
รวม
|
3.32
|
0.98
|
ปานกลาง
|
ส่วนรายด้านที่น่าสนใจและประชาชนให้ความสำคัญเข้าไปมีส่วนร่วมมากที่สุดนั่นก็คือ ด้านการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา โดยเฉพาะการค้นหาสาเหตุของปัญหา ประชาชนจะมีส่วนร่วมมากที่สุด (มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.48) รองลงมา ได้แก่ การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการค้นหาปัญหา (มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.46)
ตารางที่ 2 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้านการค้นหาปัญหา
ด้านการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา
|
Mean
|
S.D.
|
ระดับ
|
1. การสำรวจและเก็บข้อมูล
|
3.37
|
1.12
|
ปานกลาง
|
2. การศึกษาสาเหตุของปัญหา
|
3.48
|
1.09
|
มาก
|
3. การวิเคราะห์ปัญหาและกำหนดประเด็นปัญหาขึ้น
|
3.43
|
1.13
|
มาก
|
4. การอำนวยความสะดวกในการค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้น
|
3.44
|
1.07
|
มาก
|
5. การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการค้นหาปัญหา
|
3.46
|
1.02
|
มาก
|
6. การร่วมประเมินความเป็นไปได้ในการดำเนินการ
|
3.37
|
1.04
|
ปานกลาง
|
รวม
|
3.43
|
0.94
|
มาก
|
นอกจากนี้ความเห็นของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโดยทั่วไปจะชี้ให้เห็นว่า ประชาชนในพื้นที่จะมีความสุขและพึงพอใจมากถ้านักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวและใช้พื้นที่ท่าคาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หากเมื่อใดชุมชนเกิดปัญหาในการพัฒนา การท่องเที่ยวของชุมชนประชาชนพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้เกิดความตระหนักถึงปัญหาและเกิดความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาชุมชนร่วมกัน และประสงค์จะให้การส่งเสริมและการพัฒนาการท่องเที่ยวในตำบลท่าคา ทำให้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในพื้นที่เปลี่ยนไป เป็นต้น ซึ่งทัศนคติเหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่าประชาชนมีความหวงแหนทรัพยากรดั้งเดิมของชุมชนและพร้อมที่จะพัฒนาโดยไม่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตดั้งเดิมนัก ดังตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 3 ทัศนคติของประชาชาชนต่อพฤติกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตลาดน้ำท่าคา
อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
ทัศนคติการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
|
Mean
|
S.D.
|
ระดับ
|
1. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้ประชาชนในตำบลท่าคาได้รับความรู้และวิทยาการใหม่ๆจากการท่องเที่ยวเรียนรู้ถึงข้อมูลต่างๆ เช่น ประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา
|
3.95
|
0.78
|
มาก
|
2. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้สถานที่และพื้นที่ตำบลท่าคา เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
|
3.93
|
0.84
|
มาก
|
3. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้สภาพแวดล้อมในพื้นที่ตำบลท่าคาจะถูกทำลายโดยนักท่องเที่ยว
|
3.83
|
0.91
|
มาก
|
4. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้รู้สึกพึงพอใจและมีความสุขที่เห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวและพักผ่อนในตำบลท่าคา
|
4.00
|
0.82
|
มาก
|
5. การส่งเสริมและการพัฒนาการท่องเที่ยวในตำบลท่าคา ทำให้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมในพื้นที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตของตนเอง
|
3.98
|
0.81
|
มาก
|
6. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้เกิดรักความภาคภูมิใจในชุมชน ความรักต่อท้องถิ่นและความรับผิดชอบต่อสังคม
|
3.97
|
0.82
|
มาก
|
7. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้เกิดความตระหนักถึงปัญหาและเกิดความรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาชุมชนร่วมกัน
|
3.98
|
0.82
|
มาก
|
รวม
|
3.95
|
0.63
|
มาก
|
นอกจากนี้การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ยังพบปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นที่ต้องการพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชนโดยมีนโยบายเป็นตัวกำหนด กับประชาชนหรือเจ้าของที่ดินติดกับคลองท่าคาอันเป็นที่ตั้งของตลาดน้ำท่าคาในด้านทัศนคติในการพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงขาดการมีส่วนร่วมจากเจ้าของที่โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการนัก เช่น การเป็นกรรมการในตลาดน้ำท่าคา และสิ่งสำคัญที่สุด คือขาดการสื่อสารถึง ความต้องการของคนที่อยู่ชิดติดกับพื้นที่ ขาดการประสานประโยชน์ร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นกับประชาชนเจ้าของที่อย่างจริงจังจึงทำให้การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมีความขัดแย้งภายในที่ยังรอการแก้ไขอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ (ผู้ให้ข้อมูลชุมชนท่าคา, 2552)
ปัจจัยที่ทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พบว่า ปัจจัยที่ไม่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้แก่ เพศ และภูมิลำเนาเดิม ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้แก่ ปัจจัยด้านอายุ พบว่า ประชาชนที่มีอายุแตกต่างกัน มีส่วนร่วมใน การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยภาพรวม และรายด้านทุกด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 31-40 ปี มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากกว่าประชาชนที่มีอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ปี และประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนน้อยกว่าประชาชนที่มีอายุ 21-30 ปี, 31-40 ปี และ41-50 ปี หรือ ตั้งแต่ 21-50 ปีนั่นเอง ส่วนปัจจัยด้านระดับการศึกษา พบว่า ประชาชนที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยภาพรวม และด้านการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา ด้านการมีส่วนร่วมใน การตัดสินใจในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และยังพบว่าประชาชนที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกันมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านการมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลด้านการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยประชาชนที่มีระดับการศึกษาอนุปริญญา หรือ ปวส. มีส่วนร่วมใน การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้านการตัดสินใจมากกว่าประชาชนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ รวมถึงด้านการติดตามประเมินผล พบว่า ประชาชนที่มีระดับการศึกษาประถมศึกษา อนุปริญญา หรือ ปวส. และปริญญาตรี มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากกว่าประชาชนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ และปัจจัยด้านอาชีพ พบว่า ประชาชนที่มีอาชีพแตกต่างกัน มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยภาพรวม และรายด้านทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยประชาชนที่มีอาชีพทำสวนมะพร้าวมีส่วนร่วมใน การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนน้อยกว่าประชาชนที่มีอาชีพพ่อบ้าน แม่บ้านและรับจ้างทั่วไป รวมถึงปัจจัยด้านรายได้ต่อเดือน พบว่าประชาชนที่มีรายได้ต่อเดือนแตกต่างกัน มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยภาพรวม และรายด้านทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยประชาชนที่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่10,001-15,000 บาท มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากกว่าประชาชนที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 5,000 บาท ตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท ตั้งแต่ 15,001-20,000 บาท และตั้งแต่ 25,001 บาทขึ้นไป รวมทั้งปัจจัยด้านระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชน พบว่าประชาชนที่มีระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในตำบลท่าคาแตกต่างกัน มีส่วนร่วมใน การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และรายด้าน จำนวน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา ด้านการมีส่วนร่วมในการวางแผนด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนในตำบลท่าคา ด้านการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรมในการพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนในตำบลท่าคา และด้านการมีส่วนร่วมใน การตัดสินใจในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในตำบลท่าคา โดยประชาชนที่มีระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในตำบลท่าคามากกว่า 20 ปี มีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนด้านการค้นหาปัญหามากกว่าประชาชนที่มีระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในตำบลท่าคาตั้งแต่ 16-20 ปี
แนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน พบว่า แนวทางที่เป็นประโยชน์สามารถนำไปสู่การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามได้นั้นมี 3 แนวทางใหญ่ ดังนี้
แนวทางที่ 1 พัฒนาประชาชนในท้องถิ่นโดยมุ่งการส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มเยาวชน(อายุไม่เกิน 20 ปี) และกลุ่มผู้สูงอายุ (อายุ 61 ปีขึ้นไป) ในชุมชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นภูมิปัญญาชุมชน หรือเป็นพ่อ แม่ของกลุ่มเยาวชนในชุมชนท่าคานั่นเองให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดน้ำให้มากขึ้น โดยการเป็นส่วนหนึ่งจะรับรู้ เข้าใจในวิถีการดำรงชีวิต และได้ร่วมรับประโยชน์ที่เกิดจากท่องเที่ยวได้ เช่น การเป็นกลุ่มอาสาพัฒนาคลองท่าคา มัคคุเทศก์น้อย แม่ค้ารุ่นเยาว์ เป็นต้น ซึ่งกลุ่มเยาวชนจะต่อยอดการพัฒนา การท่องเที่ยวของชุมชนจากผู้สูงอายุ หรือพ่อแม่ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มเยาวชนและกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นได้มีบทบาทในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจและร่วมรับผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
แนวทางที่ 2 พัฒนาเครือข่ายหรือกลุ่มทางสังคมในท้องถิ่น ให้มีบทบาทในการเข้ามีส่วนร่วมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาดน้ำคาของเครือข่ายหรือกลุ่มทางสังคมในชุมชน เช่น กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มประเพณีวัฒนธรรม กลุ่มสตรี กลุ่มเรือพาย กลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มโฮมสเตย์ กลุ่มขนมไทย กลุ่มจักสานก้านมะพร้าว และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่าคา ซึ่งทุกกลุ่มต้องมีแนวทาง การจัดการของเครือข่ายหรือกลุ่มทางสังคมให้เป็นไปเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน หรือบูรณาการการทำงานให้สอดคล้องกับการพัฒนาตลาดน้ำที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของตนซึ่งจะยั่งยืนกว่าการมุ่งเชิงธุรกิจเป็นสำคัญ
แนวทางที่ 3 พัฒนาโดยภาครัฐหรือรัฐบาลท้องถิ่น
- รัฐบาลท้องถิ่นต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่ประกอบอาชีพทำน้ำตาลมะพร้าว รับจ้างทั่วไป ค้าขายที่บ้าน และประกอบอาชีพใด ๆ ในชุมชน ซึ่งควรจัดกิจกรรมเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับประชาชนกลุ่มเหล่านี้ให้มากขึ้นและต้องจัดอย่างต่อเนื่อง
- รัฐบาลท้องถิ่นต้องให้การส่งเสริมและสนับสนุนกับกลุ่มอาชีพทำน้ำตาลมะพร้าวขายในตลาดน้ำท่าคา เนื่องจากพื้นที่ชุมชนมีอาชีพผลิตน้ำตาลมะพร้าว และควรกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการชุมชนไว้ให้ชัดเจน โดยการกำหนดให้อาชีพการทำน้ำตาลมะพร้าว และผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวเป็นอาชีพหลักเพื่อการท่องเที่ยวของชุมชน
- รัฐบาลท้องถิ่นต้องเป็นเจ้าภาพในการสร้างความปรองดองลดความขัดแย้งของคนในชุมชนมองประโยชน์เชิงสังคมมากก่อนเชิงธุรกิจ โดยให้ความสำคัญและวางแนวทางการแก้ไขบนพื้นฐานของประชาชนดั้งเดิม(อยู่ชุมชนมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี) เป็นสำคัญ
- รัฐบาลท้องถิ่นควรค้นหาจุดแข็งที่เป็นทุนทางสังคมและวัฒนธรรม โดยจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ภายในชุมชนที่สามารถพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างตลาดน้ำท่าคาให้เป็นการเพิ่มเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและกลุ่มเครือข่าย หรือกลุ่มทางสังคมต่าง ๆ ได้ให้บทบาทในการบริหารจัดการเป็นของชุมชน โดยชุมชน และเพื่อชุมชน ซึ่งมีรัฐบาลท้องถิ่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น นักพัฒนา บ้าน วัด โรงเรียนให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณและวิชาการ
สรุปและข้อเสนอแนะ
1. สรุปผลการวิจัย
1.1 ผลจาการสังเกตในการวิจัยพบว่า ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ทุนทางสังคมและวัฒนธรรมยังอุดมสมบูรณ์อย่างมากเพียง ประชาชนส่วนใหญ่ของชุมชนมีอาชีพการทำสวนมะพร้าว ทำน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งดำรงชีวิตกันอย่างเงียบสงบ มีการเดินทางด้วยทางเรือที่ใช้คลองภายในชุมชนเป็นเส้นทางอยู่กันอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่ากระแสการท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าสู่ชุมชนมีมากขึ้น โดยเฉพาะจุดที่ตั้งตลาดน้ำท่าคา จะพบการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพมาก มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอาคารบ้านเรือน ไปจากเดิมมากมายจากบ้านไม้ชายคลอง กลายเป็นร้านค้า ขายอาหารหลากหลายชนิดซึ่งมีทั้งรับมาจากนอกชุมชนและภายในชุมชนเอง การท่องเที่ยวส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิถีชีวิตชาวบ้านทำให้ประชาชนเริ่มเปลี่ยนแปลงการดำรงชีพของตัวเองไปอย่างมาก ชาวบ้านถึงแม้จะประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่นเดิมแต่มีจุดมุ่งหมายจากความเป็นอยู่พอเพียงตามวิถีดั้งเดิมแล้ว เปลี่ยนเป็นการผลิตที่มุ่งเน้นการค้าขายเชิงธุรกิจเป็นสำคัญนั่นเอง
1.2 ประชาชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในการตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุอยู่ระหว่าง 21-30 ปี ระดับการศึกษาประถมศึกษา จำนวน 111 คน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ต่อเดือนอยู่ในช่วงต่ำกว่า 5,000 บาท มีภูมิลำเนาเดิมเป็นคนในพื้นที่ตำบลท่าคา และอยู่อาศัยในชุมชนตั้ง 20 ปีขึ้นไป
1.3 การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคา อำเภออัมพวา กรุงเทพมหานคร พบว่า ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมในด้านการค้นหาปัญหามากที่สุด และมีความคิดเห็นว่า ประชาชนจะรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขที่เห็นนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวและพักผ่อนในตำบลท่าคา ส่วนด้านการติดตามประเมินผลการดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประชาชนจะเข้าร่วมน้อยที่สุด
1.4 ปัจจัยที่มีผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในตำบลท่าคาเพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้แก่ ปัจจัยด้านอายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือน และระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชน ซึ่งในปัจจัยต่าง ๆ นี้พบว่ามีงานวิจัยที่สอดคล้อง ได้แก่ ประยูร ศรีประสาธน์ (2542) ได้เสนอปัจจัยของการมีส่วนร่วม ว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมมีด้วยกัน 3 ปัจจัย คือ ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ เพศ ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจ ได้แก่ การศึกษา อาชีพ รายได้ และการเป็นสมาชิกกลุ่ม ปัจจัยด้านการสื่อสาร ได้แก่ การรับข่าวสารจากสื่อมวลชนและสื่อบุคคล ส่วนคูฟแมน (Koufman, 1949) ได้ศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชนในชนบท พบว่า อายุ เพศ การศึกษา ขนาดของครอบครัว อาชีพ รายได้และระยะเวลาการอยู่อาศัยในท้องถิ่น มีความสัมพันธ์กับระดับการมีส่วนร่วมของประชาชน
1.5 แนวทางทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตลาดน้ำท่าคาที่สำคัญที่สุด ได้แก่ การพัฒนาจากฐานรากที่เป็นประชาชนคนท้องถิ่นโดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มเยาวชนและกลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นได้มีบทบาทในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจและร่วมรับผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
2. ข้อเสนอแนะ
“การพัฒนาชุมชนท่าคา หรือตลาดน้ำท่าคา ต้องพัฒนาจากฐานรากของชุมชนที่คำนึงถึงวิถีชีวิตโดยรวมของประชาชนเป็นสำคัญ และภาครัฐ หน่วยงานภายนอก หรือรัฐบาลท้องถิ่นควรเป็นเพียงผู้สนับสนุนและส่งเสริมเท่านั้น” หมายความว่า ให้ชาวบ้านยอมรับการเปลี่ยนแปลง หรือการพัฒนาการท่องเที่ยวตลาดน้ำท่าคาโดยชาวบ้าน เป็นของชาวบ้านและเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน
กิตติกรรมประกาศ
การทำวิจัยในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีจากเงินทุนสนับสนุนจากงบประมาณเงินรายได้มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 2553 พร้อมกับได้รับความกรุณาและความช่วยเหลืออย่างดียิ่งจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าคา คุณลุงจรูญ เจือไทย และประชาชนในตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม จึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
เอกสารอ้างอิง
ราชกิจจานุเบกษา. 2550. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, [Online, accessed 15 May 2011], Available from http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2550/A/047/1.PDF
Cohen, .J.M., artd Uphoff, N.T. 1977. Rural development participation : Concept and measures for project design irnplernentation and evaluation, Rural Development Committee Center for International Studies, Cornell University, 2-26.
อคิน รพีพัฒน์. 2547. การมีส่วนร่วมของประชาชนในงานพัฒนา, กรุงเทพมหานคร, ศูนย์การศึกษานโยบายสาธารณสุข.
สุนีย์ มัลลิกะมาลย์. 2545. รัฐธรรมนูญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรุงเทพมหานคร, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปาริชาติ วลัยเสถียร และคณะ. 2543. กระบวนการและเทคนิคการทำงานของนักพัฒนา, กรุงเทพมหานคร, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสมุทรสงคราม. 2554. [Online, accessed 20 May 2011], Available from http://www.samutsongkhram.go.th/2011V2/data/vision_new53.doc
วิไลลักษณ์ รัตนเพียรธัมมะ และคณะ. 2550. ตลาดน้ำค่าคา : การจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน, บทความในวารสารร่มพฤกษ์ ฉบับที่ 2 กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2550: 227.
สุรจิต ชิรเวทย์. 2551. ฅนแม่กลอง, สมุทรสงคราม, ส.เอเซียเพรส.
ผู้ให้ข้อมูลชุมชนท่าคา. 2552. สัมภาษณ์.
ประยูร ศรัประสาธน์. 2542. รายงานการวิจัย เรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วม ในการดำเนินงานของคณะกรรมการการศึกษาประจำโรงเรียนประถมศึกษา, ปทุมธานี, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
Koufman , H.F. 1949. Participation Organized Activities in Selected Kentucky Localities,
Agricultural Experiment Station Bulletins, March: 7.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น